Difference between revisions of "Language/Mandarin-chinese/Grammar/Tones-Introduction/th"

From Polyglot Club WIKI
Jump to navigation Jump to search
m (Quick edit)
m (Quick edit)
 
Line 1: Line 1:


{{Mandarin-chinese-Page-Top}}
{{Mandarin-chinese-Page-Top}}
<div class="pg_page_title"><span lang>[[Language/Mandarin-chinese/th|ภาษาจีนกลาง]] </span> → <span cat>[[Language/Mandarin-chinese/Grammar/th|ไวยากรณ์]]</span> → <span level>[[Language/Mandarin-chinese/Grammar/0-to-A1-Course/th|คอร์ส 0 ถึง A1]]</span> → <span title>การแนะนำเสียงเน้น</span></div>


<div class="pg_page_title"><span lang>ภาษาจีนมันดาริน</span> → <span cat>ไวยากรณ์</span> → <span level>[[Language/Mandarin-chinese/Grammar/0-to-A1-Course/th|คอร์สระดับ 0 ถึง A1]]</span> → <span title>การแนะนำเสียงเสียงจีนมันดาริน</span></div>
การเรียนรู้ไวยากรณ์ของภาษาจีนกลางไม่ใช่แค่การเรียนรู้คำศัพท์หรือโครงสร้างประโยคเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเข้าใจเสียงเน้นที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการสื่อสาร เนื่องจากภาษาจีนกลางมีเสียงเน้นถึงสี่เสียงและเสียงกลางซึ่งเป็นสิ่งที่แตกต่างจากภาษาไทยที่เราใช้กันอยู่ในทุกวัน ในการเรียนรู้ครั้งนี้ เราจะมาทำความรู้จักกับเสียงเน้นในภาษาจีนกลาง พร้อมตัวอย่างและกฎในการเปลี่ยนเสียงเน้น เพื่อให้คุณสามารถใช้ภาษาจีนกลางได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ


__TOC__
__TOC__


== เสียงเสียงในภาษาจีนมันดาริน ==
=== ความสำคัญของเสียงเน้นในภาษาจีนกลาง ===
 
เสียงเน้นในภาษาจีนกลางมีความสำคัญมาก เพราะเสียงเน้นสามารถเปลี่ยนความหมายของคำได้อย่างสิ้นเชิง ตัวอย่างเช่น คำว่า "ma" สามารถหมายถึงหลายอย่างขึ้นอยู่กับเสียงที่ใช้ ดังนั้นการเข้าใจเสียงเน้นจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม
 
=== ประเภทของเสียงเน้น ===
 
ในภาษาจีนกลางมีเสียงเน้นหลัก ๆ ที่เราต้องรู้จักทั้งหมด 4 เสียง รวมถึงเสียงกลาง ซึ่งแต่ละเสียงจะมีลักษณะเฉพาะที่ไม่เหมือนกัน
 
==== เสียงที่ 1 (เสียงสูงและคงที่) ====
 
* เสียงนี้จะมีลักษณะสูงและคงที่ เช่น คำว่า "mā" (妈) หมายถึง "แม่"
 
==== เสียงที่ 2 (เสียงสูงขึ้น) ====
 
* เสียงนี้จะมีลักษณะสูงขึ้น เช่น คำว่า "má" (麻) หมายถึง "ป่าน"
 
==== เสียงที่ 3 (เสียงต่ำลงแล้วสูงขึ้น) ====
 
* เสียงนี้จะเริ่มจากเสียงต่ำแล้วสูงขึ้น เช่น คำว่า "mǎ" (马) หมายถึง "ม้า"
 
==== เสียงที่ 4 (เสียงต่ำและสั้น) ====
 
* เสียงนี้จะมีลักษณะต่ำและสั้น เช่น คำว่า "mà" (骂) หมายถึง "ด่า"
 
==== เสียงกลาง (เสียงธรรมดา) ====
 
* เสียงกลางจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง เช่น คำว่า "ma" (吗) ซึ่งใช้ในประโยคคำถาม
 
=== กฎการเปลี่ยนเสียงเน้น ===
 
การเปลี่ยนเสียงเน้นในภาษาจีนกลางมีหลายกฎที่สำคัญ ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามคำที่ใช้
 
==== กฎที่ 1: การใช้เสียงที่ 3 ตามหลังเสียงที่ 4 ====
 
เมื่อเสียงที่ 3 ตามหลังเสียงที่ 4 จะเปลี่ยนเสียงที่ 3 เป็นเสียงที่ 2 เช่น "nǐ hǎo" (你好) จะเป็น "nǐ hǎo" (你好)
 
==== กฎที่ 2: การใช้เสียงที่ 3 ตามหลังเสียงที่ 1 หรือ 2 ====
 
เมื่อเสียงที่ 3 ตามหลังเสียงที่ 1 หรือ 2 จะไม่เปลี่ยนเสียง เช่น "nǐ mǎ" (你马) จะเป็น "nǐ mǎ" (你马)
 
=== ตัวอย่างการใช้เสียงเน้น ===
 
เราจะมาดูตัวอย่างเสียงเน้นต่าง ๆ เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้น
 
{| class="wikitable"
 
! Mandarin Chinese !! Pronunciation !! Thai
 
|-
 
| 妈 (mā) || mā || แม่
 
|-
 
| 麻 (má) || má || ป่าน
 
|-
 
| 马 (mǎ) || mǎ || ม้า
 
|-
 
| 骂 (mà) || mà || ด่า
 
|-
 
| 吗 (ma) || ma || ใช่ไหม
 
|}
 
เราจะพบว่าคำเดียวกัน แต่เสียงที่แตกต่างสามารถหมายถึงสิ่งที่แตกต่างได้
 
=== แบบฝึกหัดการเรียนรู้ ===
 
มาลองทำแบบฝึกหัดกันดูเพื่อทดสอบความเข้าใจเกี่ยวกับเสียงเน้น
 
# '''การแยกเสียงเน้น''':
 
* ให้คุณฟังคำที่ได้ยินและระบุว่าเป็นเสียงไหน
 
# '''การจับคู่คำ''':
 
* จับคู่คำที่มีเสียงเน้นเดียวกัน


เสียงเสียงในภาษาจีนมันดารินเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับการออกเสียงคำ แต่ละคำจะมีเสียงเสียงที่แตกต่างกัน ซึ่งจะมีผลต่อความหมายของคำนั้น ๆ ดังนั้น การเรียนรู้เสียงเสียงในภาษาจีนมันดารินจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องเรียนรู้เพื่อให้สามารถพูดภาษาจีนมันดารินได้อย่างถูกต้อง
# '''การแปล''':


=== เสียงเสียงในภาษาจีนมันดารินมีกี่เสียง ===
* แปลคำที่มีเสียงเน้นต่าง ๆ เป็นภาษาไทย


ในภาษาจีนมันดารินมีเสียงเสียงทั้งหมด 5 เสียง ซึ่งแต่ละเสียงจะมีหลายระดับ เรียกว่า "ไต้หวัน" ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ซับซ้อน แต่เมื่อเข้าใจแล้วก็จะเป็นเรื่องง่าย
# '''การสร้างประโยค''':


=== เสียงเสียงแต่ละเสียง ===
* สร้างประโยคจากคำที่มีเสียงเน้นที่แตกต่างกัน


||'''เสียง''' || '''อ่านว่า''' || '''คำอธิบาย''' ||
# '''การเปลี่ยนเสียง''':
| พิมพ์เสียงที่ 1 | mā | เสียงเสียงสูงที่สุด |
| พิมพ์เสียงที่ 2 | má | เสียงเสียงต่ำกว่าเสียงเสียงที่ 1 แต่เสียงเสียงสูงกว่าเสียงเสียงที่ 3 |
| พิมพ์เสียงที่ 3 | mǎ | เสียงเสียงกลางที่สุด |
| พิมพ์เสียงที่ 4 | mà | เสียงเสียงต่ำที่สุด |


=== สัญลักษณ์ของเสียงเสียงในภาษาจีนมันดาริน ===
* เปลี่ยนคำที่มีเสียงเน้นไปเป็นเสียงที่ถูกต้องตามกฎ


เสียงเสียงในภาษาจีนมันดารินมีสัญลักษณ์เฉพาะของตัวเอง โดยจะใช้สัญลักษณ์ของตัวอักษรเพื่อแสดงเสียงเสียงที่ต้องการ ตัวอย่างเช่น สัญลักษณ์ "mā" จะแสดงถึงเสียงเสียงสูงที่สุด
=== คำตอบและคำอธิบาย ===


=== กฏการเปลี่ยนเสียงเสียงในภาษาจีนมันดาริน ===
1. '''การแยกเสียงเน้น''': ฟังคำและระบุเสียง


ในภาษาจีนมันดาริน มีกฏการเปลี่ยนเสียงเสียงที่น่าสนใจ โดยเมื่อเสียงเสียงไปข้างหน้าเป็นเสียงเสียงบางรายการจะเปลี่ยนแปลงไปตามกฏนี้
2. '''การจับคู่คำ''': เช่น "妈" กับ "麻"


* เสียงเสียงที่ 3 และเสียงเสียงที่ 2 จะเปลี่ยนเป็นเสียงเสียงที่ 4 เมื่ออยู่หลังเสียงเสียงที่ 4
3. '''การแปล''': เช่น "马" แปลว่า "ม้า"
* เสียงเสียงที่ 1 จะเปลี่ยนเป็นเสียงเสียงที่ 2 เมื่ออยู่หลังเสียงเสียงที่ 4


== สรุป ==
4. '''การสร้างประโยค''': "我的妈妈是老师。" (แม่ของฉันเป็นครู)


การเข้าใจเสียงเสียงในภาษาจีนมันดารินเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการออกเสียงคำ ในบทเรียนนี้เราเรียนรู้ถึงเสียงเสียงทั้งหมด 5 เสียงในภาษาจีนมันดาริน และกฏการเปลี่ยนเสียงเสียงที่น่าสนใจในภาษาจีนมันดาริน
5. '''การเปลี่ยนเสียง''': เช่น "nǐ mǎ" เป็น "nǐ mǎ"
 
การเรียนรู้เสียงเน้นในภาษาจีนกลางเป็นสิ่งที่ท้าทาย แต่เมื่อคุณเข้าใจและฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ คุณจะสามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ


{{#seo:
{{#seo:
|title=การแนะนำเสียงเสียงจีนมันดาริน
 
|keywords=ภาษาจีนมันดาริน, ไวยากรณ์, คอร์สระดับ 0 ถึง A1, เสียงเสียง, เสียงเสียงในภาษาจีนมันดาริน
|title=การแนะนำเสียงเน้นในภาษาจีนกลาง
|description=เสียงเสียงในภาษาจีนมันดารินเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับการออกเสียงคำ แต่ละคำจะมีเสียงเสียงที่แตกต่างกัน ซึ่งจะมีผลต่อความหมายของคำนั้น ๆ ดังนั้น การเรียนรู้เสียงเสียงในภาษาจีนมันดารินจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องเรียนรู้เพื่อให้สามารถพูดภาษาจีนมันดารินได้อย่างถูกต้อง
 
|keywords=ภาษาจีนกลาง, เสียงเน้น, ไวยากรณ์, เรียนภาษาจีน
 
|description=ในบทเรียนนี้คุณจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับเสียงเน้นในภาษาจีนกลาง รวมถึงตัวอย่างและกฎการเปลี่ยนเสียงเน้น
 
}}
}}


{{Mandarin-chinese-0-to-A1-Course-TOC-th}}
{{Template:Mandarin-chinese-0-to-A1-Course-TOC-th}}


[[Category:Course]]
[[Category:Course]]
Line 49: Line 135:
[[Category:0-to-A1-Course]]
[[Category:0-to-A1-Course]]
[[Category:Mandarin-chinese-0-to-A1-Course]]
[[Category:Mandarin-chinese-0-to-A1-Course]]
<span gpt></span> <span model=gpt-3.5-turbo></span> <span temperature=0.7></span>
<span openai_correct_model></span> <span gpt></span> <span model=gpt-4o-mini></span> <span temperature=0.7></span>





Latest revision as of 19:36, 11 August 2024


Chinese-Language-PolyglotClub.jpg
ภาษาจีนกลาง ไวยากรณ์คอร์ส 0 ถึง A1การแนะนำเสียงเน้น

การเรียนรู้ไวยากรณ์ของภาษาจีนกลางไม่ใช่แค่การเรียนรู้คำศัพท์หรือโครงสร้างประโยคเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเข้าใจเสียงเน้นที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการสื่อสาร เนื่องจากภาษาจีนกลางมีเสียงเน้นถึงสี่เสียงและเสียงกลางซึ่งเป็นสิ่งที่แตกต่างจากภาษาไทยที่เราใช้กันอยู่ในทุกวัน ในการเรียนรู้ครั้งนี้ เราจะมาทำความรู้จักกับเสียงเน้นในภาษาจีนกลาง พร้อมตัวอย่างและกฎในการเปลี่ยนเสียงเน้น เพื่อให้คุณสามารถใช้ภาษาจีนกลางได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ

ความสำคัญของเสียงเน้นในภาษาจีนกลาง[edit | edit source]

เสียงเน้นในภาษาจีนกลางมีความสำคัญมาก เพราะเสียงเน้นสามารถเปลี่ยนความหมายของคำได้อย่างสิ้นเชิง ตัวอย่างเช่น คำว่า "ma" สามารถหมายถึงหลายอย่างขึ้นอยู่กับเสียงที่ใช้ ดังนั้นการเข้าใจเสียงเน้นจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม

ประเภทของเสียงเน้น[edit | edit source]

ในภาษาจีนกลางมีเสียงเน้นหลัก ๆ ที่เราต้องรู้จักทั้งหมด 4 เสียง รวมถึงเสียงกลาง ซึ่งแต่ละเสียงจะมีลักษณะเฉพาะที่ไม่เหมือนกัน

เสียงที่ 1 (เสียงสูงและคงที่)[edit | edit source]

  • เสียงนี้จะมีลักษณะสูงและคงที่ เช่น คำว่า "mā" (妈) หมายถึง "แม่"

เสียงที่ 2 (เสียงสูงขึ้น)[edit | edit source]

  • เสียงนี้จะมีลักษณะสูงขึ้น เช่น คำว่า "má" (麻) หมายถึง "ป่าน"

เสียงที่ 3 (เสียงต่ำลงแล้วสูงขึ้น)[edit | edit source]

  • เสียงนี้จะเริ่มจากเสียงต่ำแล้วสูงขึ้น เช่น คำว่า "mǎ" (马) หมายถึง "ม้า"

เสียงที่ 4 (เสียงต่ำและสั้น)[edit | edit source]

  • เสียงนี้จะมีลักษณะต่ำและสั้น เช่น คำว่า "mà" (骂) หมายถึง "ด่า"

เสียงกลาง (เสียงธรรมดา)[edit | edit source]

  • เสียงกลางจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง เช่น คำว่า "ma" (吗) ซึ่งใช้ในประโยคคำถาม

กฎการเปลี่ยนเสียงเน้น[edit | edit source]

การเปลี่ยนเสียงเน้นในภาษาจีนกลางมีหลายกฎที่สำคัญ ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามคำที่ใช้

กฎที่ 1: การใช้เสียงที่ 3 ตามหลังเสียงที่ 4[edit | edit source]

เมื่อเสียงที่ 3 ตามหลังเสียงที่ 4 จะเปลี่ยนเสียงที่ 3 เป็นเสียงที่ 2 เช่น "nǐ hǎo" (你好) จะเป็น "nǐ hǎo" (你好)

กฎที่ 2: การใช้เสียงที่ 3 ตามหลังเสียงที่ 1 หรือ 2[edit | edit source]

เมื่อเสียงที่ 3 ตามหลังเสียงที่ 1 หรือ 2 จะไม่เปลี่ยนเสียง เช่น "nǐ mǎ" (你马) จะเป็น "nǐ mǎ" (你马)

ตัวอย่างการใช้เสียงเน้น[edit | edit source]

เราจะมาดูตัวอย่างเสียงเน้นต่าง ๆ เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้น

Mandarin Chinese Pronunciation Thai
妈 (mā) แม่
麻 (má) ป่าน
马 (mǎ) ม้า
骂 (mà) ด่า
吗 (ma) ma ใช่ไหม

เราจะพบว่าคำเดียวกัน แต่เสียงที่แตกต่างสามารถหมายถึงสิ่งที่แตกต่างได้

แบบฝึกหัดการเรียนรู้[edit | edit source]

มาลองทำแบบฝึกหัดกันดูเพื่อทดสอบความเข้าใจเกี่ยวกับเสียงเน้น

  1. การแยกเสียงเน้น:
  • ให้คุณฟังคำที่ได้ยินและระบุว่าเป็นเสียงไหน
  1. การจับคู่คำ:
  • จับคู่คำที่มีเสียงเน้นเดียวกัน
  1. การแปล:
  • แปลคำที่มีเสียงเน้นต่าง ๆ เป็นภาษาไทย
  1. การสร้างประโยค:
  • สร้างประโยคจากคำที่มีเสียงเน้นที่แตกต่างกัน
  1. การเปลี่ยนเสียง:
  • เปลี่ยนคำที่มีเสียงเน้นไปเป็นเสียงที่ถูกต้องตามกฎ

คำตอบและคำอธิบาย[edit | edit source]

1. การแยกเสียงเน้น: ฟังคำและระบุเสียง

2. การจับคู่คำ: เช่น "妈" กับ "麻"

3. การแปล: เช่น "马" แปลว่า "ม้า"

4. การสร้างประโยค: "我的妈妈是老师。" (แม่ของฉันเป็นครู)

5. การเปลี่ยนเสียง: เช่น "nǐ mǎ" เป็น "nǐ mǎ"

การเรียนรู้เสียงเน้นในภาษาจีนกลางเป็นสิ่งที่ท้าทาย แต่เมื่อคุณเข้าใจและฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ คุณจะสามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ตารางสารบัญ - คอร์สเรียนภาษาจีนมันดาริน - ระดับ 0 ถึง A1[edit source]


พินอินและเสียงเน้น


คำทักทายและประโยคพื้นฐาน


โครงสร้างประโยคและลำดับคำ


ชีวิตประจำวันและประโยคคุ้มครองตนเอง


เทศกาลและประเพณีจีน


คำกริยาและการใช้คำกริยา


งานอดิเรก กีฬา และกิจกรรม


ภูมิภาคและสถานที่สำคัญของจีน


คำนามและสรรพนาม


อาชีพและลักษณะบุคลิกภาพ


ศิลปะและการหัดฝึกงานจีนแบบดั้งเดิม


การเปรียบเทียบและมากที่สุด


เมือง ประเทศ และสถานที่ท่องเที่ยว


จีนสมัยใหม่และเหตุการณ์ปัจจุบัน

  • [[Language/Mandarin-chinese/Culture/China's-E


บทเรียนอื่น ๆ[edit | edit source]